ข้อบังคับ
สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดชัยนาท
แก้ไข ตาม พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558
หมวดที่ 1
ข้อ 1.   สมาคมนี้มีชื่อว่า  “สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดชัยนาท”   ใช้อักษรย่อว่า  “สก.ชน.”  และ เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า  SPORTS ASSOCIATION OF CHAINAT PROVINCE ใช้อักษรย่อว่า  S.A.O.C.P.
ข้อ 2.   ตราเครื่องหมายของสมาคมกีฬา  มีลักษณะ เป็นดังนี้

                                    ความหมาย       วงกลมด้านบน เป็นสัญญาลักษณ์จังหวัดชัยนาท
                                                               มือที่จับกัน       หมายถึง  ความสามัคคี
                                                               วงกลม 8 วง     หมายถึง  อำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดชัยนาท  จำนวน  8 อำเภอ
                                                               ด้านล่าง  เป็นชื่อสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดชัยนาท ภายในช่อชัยพฤกษ์
ข้อ 3.   สำนักงานใหญ่ของสมาคมตั้งอยู่  ณ เลขที่ ๘๗/๑ ถนนชัยณรงค์  ตำบลบ้านกล้วย  อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท 17000 โดยเปิดทำการตามวัน และเวลาราชการ วันจันทร์ ถึงวันศุกร์ เวลาทำการ  08:30 - 16:30 นาฬิกา
ข้อ 4.   มีคำจำกัดความในข้อบังคับดังนี้

สมาคม หมายความว่า สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดชัยนาท
สมาชิก หมายความว่า ผู้ที่สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดชัยนาทรับเข้าเป็นสมาชิกแล้ว ซึ่งอาจมีชื่อเรียกต่างกัน
คณะกรรมการบริหาร หมายความว่า คณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดชัยนาท
กรรมการ หมายความว่า คณะกรรมการบริหารสมาคมที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกสมาคมให้เป็น กรรมการบริหารสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดชัยนาท
เจ้าหน้าที่ หมายความว่า บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกสมาคมหรือผู้ที่นายกสมาคมมอบหมายให้เป็น เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในกิจการของสมาคม
นักกีฬา หมายความว่า นักกีฬาเยาวชนแห่งชาติ/นักกีฬาแห่งชาติ หรือนักกีฬาที่ขึ้นทะเบียนสังกัด
สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดชัยนาท
สวัสดิการ หมายความว่า การให้ความช่วยเหลือเงินทรัพย์สิน สิทธิหรือประโยชน์อื่นใด แก่นักกีฬา และครอบครัว เพื่อการยังชีพ และให้หมายความถึงเงินค่าตอบแทน รางวัล ค่ารักษาพยาบาล ทุนการศึกษาที่ให้กับนักกีฬา ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน กรรมการและเจ้าหน้าที่ของสมาคม

หมวดที่ 2
วัตถุประสงค์

ข้อ 5. วัตถุประสงค์ของสมาคม
1. ส่งเสริม สนับสนุน พัฒนา และเผยแพร่กีฬาขั้นพื้นฐาน กีฬามวลชนกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ และกีฬาเพื่อการอาชีพ ของจังหวัดชัยนาท
2. ให้มีการจัดการแข่งขันกีฬา
3. ส่งเสริมและช่วยเหลือสมาชิก
4. ให้สวัสดิการแก่นักกีฬาและครอบครัว ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน กรรมการและเจ้าหน้าที่ของสมาคม
5. ให้การสนับสนุนงบประมาณ อุปกรณ์และอื่น ๆ แก่สมาชิกของสมาคมเพื่อดำเนินกิจกรรมทางด้านกีฬา
6. เป็นศูนย์กลางในการสร้าง และสรรหานักกีฬาที่มีความสามารถเพื่อเป็นตัวแทนของจังหวัดและประเทศชาติ
ตามนโยบายคณะกรรมการกีฬาจังหวัด ตามพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558
7. เป็นศูนย์กลางในการประสานงานความร่วมมือกับจังหวัด และร่วมมือ กับการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา ในการประสานงาน กำกับ และดูแลเกี่ยวกับกีฬาของจังหวัด เป็นสมาชิกของสมาคมกีฬา
แห่งประเทศไทย
8. ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะองค์กรกีฬาของจังหวัด ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558
และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและเป็นศูนย์กลางในการประสานงาน กำกับ และดูแลเกี่ยวกับกีฬาของจังหวัด
เป็นสมาชิกของสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย
9. ไม่ดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวกับการเมือง

หมวดที่ 3
สมาชิก

ข้อ 6. สมาชิกของสมาคม มี 3 ประเภทคือ
6.1 สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ บุคคลผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้มีอุปการคุณแก่สมาคม ซึ่งคณะกรรมการลงมติให้เชิญเข้าเป็น
สมาชิกของสมาคม
6.2 สมาชิกสามัญ ได้แก่ ชมรมกีฬา สโมสร สมาคม บริษัท ห้างร้าน นิติบุคคล มูลนิธิ หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ
สถานศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา
6.3 สมาชิกวิสามัญ ได้แก่ บุคคลทั่วไป
ข้อ 7. สมาชิกต้องประกอบด้วยคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
7.1 เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ เว้นแต่สมาชิกวิสามัญ
7.2 ไม่เป็นโรคที่สังคมรังเกียจ
7.3 มีคุณสมบัติ หรือประสบการณ์เหมาะสมกับการดำเนินการเกี่ยวกับกีฬา หรือการส่งเสริมกีฬาภายในขอบเขต
วัตถุประสงค์ของสมาคม และมีความประพฤติเรียบร้อย
7.4 ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
7.5 ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
7.6 ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่โทษ สำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท
หรือความผิดลหุโทษ
7.7 หากสมาชิกเป็นนิติบุคคล ต้องเป็นนิติบุคคล ที่ก่อตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย และมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่ อยู่ในประเทศไทย
7.8 ไม่เป็นผู้ที่คณะกรรมการของสมาคมมีมติลบชื่อออกจากทะเบียนสมาชิกหรือคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย
มีมติเห็นสมควรให้พ้นจากสมาชิกของสมาคม อันเนื่องมาจากไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับหรือระเบียบของสมาคม ที่นำความ
เสื่อมเสียมาสู่สมาคมหรือประพฤติตนเป็นปรปักษ์ต่อสมาคม
ข้อ 8. ค่าลงทะเบียน และค่าบำรุงสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดชัยนาท
8.1 สมาชิกกิตติมศักดิ์ ไม่ต้องเสียค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงสมาคมแต่อย่างใดทั้งสิ้น
8.2 สมาชิกสามัญ จะต้องเสียค่าลงทะเบียน ครั้งแรก 100 บาท ค่าบำรุงสมาคม เป็นรายปีๆ ละ 10 บาท
8.3 สมาชิกวิสามัญ จะต้องเสียค่าลงทะเบียน ครั้งแรก 200 บาท ค่าบำรุงสมาคม เป็นรายปีๆ ละ 10 บาท
ข้อ 9. การสมัครเป็นสมาชิกของสมาคมให้ผู้ที่ประสงค์จะสมัครเป็นสมาชิกของสมาคมตามข้อ 6.2 หรือข้อ 6.3 โดยมีสมาชิกรับรอง
อย่างน้อยสองคน ยื่นใบสมัครต่อเลขาธิการสมาคมหรือผู้ที่รับมอบหมาย เมื่อได้รับใบสมัครแล้วให้ปิดประกาศรายชื่อผู้สมัคร
พร้อมด้วยประวัติพอสังเขปไว้ ณ ที่ทำการสมาคม เป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน
ข้อ 10. สมาชิกใดของสมาคมจะคัดค้านการสมัครให้ยื่นคำคัดค้านเป็นหนังสือต่อเลขาธิการสมาคม หรือผู้ที่รับ มอบหมายภายใน
กำหนดเวลาของการประกาศ เมื่อครบกำหนดตามประกาศแล้วก็ให้เลขาธิการสมาคมเสนอใบสมัครพร้อมทั้งหนังสือคัดค้าน(ถ้ามี)
ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร ในวาระแรกที่มีการประชุม หลังจากที่ประกาศชื่อผู้สมัครครบกำหนด ทั้งนี้เพื่อให้
คณะกรรมการบริหารได้พิจารณาอนุมัติผลของการพิจารณาเป็นประการใดให้เลขาธิการสมาคมแจ้งผู้สมัครทราบภายในสิบห้าวัน
พร้อมทั้งปิดประกาศ ณ ที่ทำการสมาคมด้วยในกรณีไม่รับผู้สมัครเป็นสมาชิก ผู้สมัครสามารถอุทธรณ์ เป็นหนังสือต่อนายกสมาคม
ภายในสิบห้าวัน
ข้อ 11. ถ้าคณะกรรมการบริหารมีมติอนุมัติให้รับเป็นสมาชิกของสมาคม ให้ผู้สมัครชำระเงินค่าลงทะเบียน และค่าบำรุงสมาคม
เต็มจำนวน ให้เสร็จภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากเลขาธิการสมาคม ถ้าไม่ชำระภายในเวลาที่กำหนด ให้ถือว่า
การสมัครคราวนั้นเป็นอันยกเลิกสมาชิกภาพให้นับตั้งแต่วันที่ได้ชำระเงินค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงสมาคมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนค่าบำรุงสมาคมประจำปีแห่งการเป็นสมาชิกย่อมสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคมของปีนั้น สำหรับสมาชิกภาพของ
สมาชิกกิตติมศักดิ์ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่มีหนังสือตอบรับหนังสือเชิญเข้าเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์
ข้อ 12. สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก
12.1 มีสิทธิเข้าใช้สถานที่ของสมาคมโดยเท่าเทียมกัน
12.2 มีสิทธิเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของสมาคมต่อคณะกรรมการ
12.3 มีสิทธิได้รับประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของสมาคม
12.4 มีสิทธิเข้าร่วมประชุมใหญ่ของสมาคม
12.5 สมาชิกสามัญเท่านั้นมีสิทธิในการเลือกตั้ง หรือได้รับการเลือกตั้ง หรือแต่งตั้งเป็นกรรมการสมาคม และมีสิทธิ
ออกเสียงลงมติต่าง ๆ ในที่ประชุมได้คนละหนึ่งคะแนนเสียง ทั้งนี้สมาชิกสามัญที่มีสิทธิออกเสียงได้ต้องเป็นสมาชิกภาพ
ก่อนวันเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่าหกสิบวัน
12.6 มีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการบริหาร เพื่อตรวจสอบเอกสารและบัญชีทรัพย์สินของสมาคม
12.7 มีสิทธิเข้าชื่อร่วมกันอย่างน้อยหนึ่งในสามของสมาชิกสามัญทั้งหมดร้องขอต่อคณะกรรมการให้ เรียกประชุมใหญ่
วิสามัญได้ แต่ต้องระบุวัตถุประสงค์ให้เรียกประชุมเพื่อการใด
12.8 มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติ และข้อบังคับของสมาคมโดยเคร่งครัด
12.9 มีหน้าที่ประพฤติตนให้สมกับเกียรติที่เป็นสมาชิกของสมาคม
12.10 มีหน้าที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาคม
12.11 มีหน้าที่ร่วมกิจกรรมที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น
12.12 มีหน้าที่ช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงของสมาคมให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
12.13 มีหน้าที่ป้องกันความเสียหายอันอาจจะเกิดแก่สมาคม
12.14 มีหน้าที่ต้องแจ้งรายชื่อและสถานที่ตั้งของสมาชิกที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ให้สมาคมทราบเป็นลายลักษณ์อักษร
ทุกครั้งภายในสามสิบวัน นับจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นทางการ เพื่อที่สมาคมจะแจ้งการเปลี่ยนแปลงนั้น
ให้การกีฬาแห่งประเทศไทยทราบต่อไป
12.15 สมาชิกกิตติมศักดิ์ และสมาชิกวิสามัญมีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับสมาชิกสามัญ ยกเว้นข้อ 12.5 และ 12.7
ข้อ 13. การสิ้นสุดสมาชิกภาพ
13.1 ตาย
13.2 ลาออกโดยยื่นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการบริหารสมาคม และคณะกรรมการบริหารได้พิจารณา
อนุมัติให้ลาออก
13.3 ขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกตาม ข้อ 7
13.4 คณะกรรมการบริหารได้พิจารณาลงมติโดยเสียงข้างมากให้ลบชื่อออกจากทะเบียนสมาชิกด้วยเหตประพฤติตนุ
นำความเสื่อมเสียมาสู่สมาคม หรือประพฤติตนเป็นปรปักษ์กับสมาคม
13.5 ไม่ชำระเงินค่าบำรุงสมาคม โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรซึ่งเหรัญญิกได้มีหนังสือทวงถามแล้ว
13.6 สมาชิกที่เป็นนิติบุคคล สิ้นสุดการดำเนินงานตามที่กฎหมายกำหนด

หมวดที่ 4
โครงสร้างการดำเนินกิจการสมาคม

ข้อ 14. ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง ทำหน้าที่บริหารและดำเนินกิจการของสมาคม มีจำนวนอย่างน้อย 9 คน อย่างมากไม่เกิน
19 คน จำนวนนี้ให้มีกรรมการที่เป็นสมาชิกสามัญของสมาคมจำนวนไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวน คณะกรรมการทั้งหมด
และให้คณะกรรมการบริหารมีตำแหน่งต่าง ๆ เพื่อทำหน้าที่ ดังต่อไปนี้
14.1 นายกสมาคม  ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในการบริหารกิจการของสมาคม เป็นผู้แทนสมาคมในการติดต่อกับบุคคล
ภายนอก และทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการและการประชุมใหญ่ของสมาคม
14.2 อุปนายก ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายกสมาคมในการบริหารกิจการสมาคม ปฏิบัติตามหน้าที่ที่นายกสมาคมมอบหมาย
และทำหน้าที่แทนนายกสมาคมเมื่อนายกสมาคมไม่อยู่ หรือไม่สามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่การทำหน้าที่ของ
นายกสมาคม ให้อุปนายกตามลำดับตำแหน่งเป็นผู้กระทำการแทน
14.3 เลขาธิการ ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของสมาคมในการปฏิบัติกิจการของสมาคม และปฏิบัติตามคำสั่ง
ของนายกสมาคม ตลอดจนทำหน้าที่เป็นเลขานุการในการประชุมต่างๆ ของสมาคม
14.4 เหรัญญิก มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมดของสมาคมเป็นผู้จัดทำบัญชีรายรับ รายจ่าย บัญชีงบดุลของสมาคม
และเก็บเอกสารหลักฐานต่างๆของสมาคมไว้เพื่อตรวจสอบ
14.5 นายทะเบียน มีหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนสมาชิกทั้งหมดของสมาคม ประสานงานกับเหรัญญิกในการเรียกเก็บเงิน
ค่าบำรุงสมาคมจากสมาชิก
14.6 ปฏิคม มีหน้าที่ในการให้การต้อนรับแขกของสมาคม เป็นหัวหน้าในการจัดเตรียมสถานที่ของสมาคม และจัดเตรียม
สถานที่ประชุมต่างๆของสมาคม
14.7 ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่เผยแพร่กิจการและชื่อเสียงเกียรติคุณของสมาคมให้สมาชิกและบุคคลทั่วไปได้
เป็นที่รู้จักแพร่หลาย
14.8 กรรมการตำแหน่งอื่น ๆ ตามความเหมาะสมซึ่งคณะกรรมการเห็นสมควรกำหนดให้มีขึ้นโดยมีจำนวนเมื่อรวมกับ
ตำแหน่งกรรมการตามข้างต้นแล้ว จะต้องไม่เกินที่ข้อบังคับ สมาคมข้อ 14 วรรค 1 ได้กำหนดไว้ แต่ถ้าคณะกรรมการ
มิได้กำหนดตำแหน่ง ก็ถือว่าเป็นกรรมการกลาง
ข้อ 15. กรรมการของสมาคมจะต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
15.1 มีสัญชาติไทย
15.2 มีคุณสมบัติหรือประสบการณ์เหมาะสมกับการดำเนินกิจการเกี่ยวกับกีฬาหรือการส่งเสริมกีฬา ภายในกรอบ
วัตถุประสงค์ของสมาคม
15.3 ไม่เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลาย
15.4 ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
15.5 ไม่เคยได้รับโทษจำคุกพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท
หรือความผิดลหุโทษ
15.6 ไม่เป็นผู้ที่คณะกรรมการของสมาคมมีมติให้ออกจากกรรมการ หรือคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย
มีมติเห็นสมควรให้พ้นจากตำแหน่งกรรมการของสมาคมอันเนื่องมาจากไม่ปฏิบัติ ตามข้อบังคับ หรือกระทำการใดๆ
ที่นำความเสื่อมเสียมาสู่สมาคม
ข้อ 16. คณะกรรมการบริหารได้มาจากวิธีการ ดังต่อไปนี้
นายกสมาคมต้องมาจากการเลือกตั้ง และการเลือกตั้งให้ถือปฏิบัติโดยที่ประชุมเลือกตั้งประธานชั่วคราวเพื่อดำเนินการ
ประธานชั่วคราวมีหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติและสมาชิกที่ถูกต้องและมีสิทธิลงคะแนนโดยผ่านนายทะเบียน ให้ที่ประชุมใหญ่
ทำการเลือกตั้งนายกสมาคม โดยสมาชิกสมาคมในที่ ประชุมเป็นผู้เสนอชื่อ ผู้ที่จะเข้ารับเลือกเป็นนายกสมาคมและต้องมีสมาชิก
รับรองอย่างน้อยห้าคน ซึ่งผู้ถูกเสนอชื่อจะอยู่ในที่ประชุมหรือไม่ก็ได้แต่บุคคลที่ถูกเสนอชื่อหากไม่อยู่ในที่ประชุมจะต้องมี
หนังสือตอบรับเป็นลายลักษณ์อักษร การเลือกตั้งโดยวิธีเปิดเผยหรือโดยวิธีอื่นตามมติส่วนใหญ่ของผู้มีสิทธิลงคะแนนและ
ให้ถือว่าผู้ที่ได้รับคะแนนเสียงสูงสุดเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกสมาคม และนายกสมาคมดำเนินการสรรหากรรมการ
บริหารตามที่กำหนดในข้อ 14. เมื่อทำการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารสมาคมเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้เลขาธิการสมาคมแจ้งให้
การกีฬาแห่งประเทศไทยทราบไม่เกินหนึ่ง เดือนนับแต่มีการแต่งตั้ง และต้องแจ้งให้สมาชิกได้ทราบพร้อมกับประกาศไว้
ณ ที่ทำการสมาคมเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน และต้องนำแจ้งจดทะเบียนกรรมการบริหารสมาคมต่อนายทะเบียนท้องที่
ที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ภายในสามสิบวัน เมื่อได้ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนแต่งตั้งกรรมการของสมาคมขึ้นใหม่ทั้งชุด
หรือการเปลี่ยนแปลงกรรมการของสมาคม(สค. 6) แล้ว ให้แจ้งต่อการกีฬาแห่งประเทศไทยภายในเจ็ดวัน
ข้อ 17. คณะกรรมการของสมาคมอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ 2 ปี นับจากวันที่ได้จดทะเบียน และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้
การดำรงตำแหน่งกรรมการของสมาคมเกินสองวาระติดต่อกัน จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อกรรมการผู้นั้นได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
กรรมการของสมาคมต่อไป ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า สามในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดของสมาคม แต่ทั้งนี้กรรมการผู้นั้น
จะดำรงตำแหน่งกรรมการของสมาคมติดต่อกันเกิน 4 วาระมิได้ และเมื่อคณะกรรมการอยู่ในตำแหน่งครบกำหนดตามวาระแล้ว
แต่คณะกรรมการชุดใหม่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการก็ให้คณะกรรมการที่ครบกำหนดตามวาระรักษาการ
ไปพลางก่อนจนกว่าคณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจาก ทางราชการ และเมื่อคณะกรรมการชุดใหม่ได้รับ
อนุญาตให้จดทะเบียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้สมาคมมีหน้าที่แจ้งให้การกีฬาแห่งประเทศไทยทราบพร้อมแนบเอกสารสำคัญ
ภายในเจ็ดวันให้ทำการส่งและรับมอบงานกันระหว่างคณะกรรมการชุดเก่าและคณะกรรมการชุดใหม่ให้เป็นที่เสร็จสิ้นภายใน
สามสิบวันนับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนความในวรรคหนึ่ง มิให้บังคับ สำหรับกรณีที่กรรมการ
ของสมาคมดำรงตำแหน่งในสมาคม หรือองค์กรกีฬาระหว่างประเทศ ที่สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยนั้นเป็นสมาชิก
ทั้งนี้ตราบเท่าที่ยังดำรงตำแหน่งในสมาคมหรือองค์กรกีฬาระหว่างประเทศดังกล่าว
ข้อ 18. ถ้าตำแหน่งกรรมการสมาคมต้องว่างลงก่อนครบกำหนดตามวาระก็ให้คณะกรรมการแต่งตั้งสมาชิก คนใดคนหนึ่ง
ที่เห็นสมควรให้ดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลงนั้น แต่ผู้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ใน ตำแหน่งได้เท่ากับวาระของผู้ที่ตนแทน
เท่านั้น การแต่งตั้งคณะกรรมการของสมาคมขึ้นใหม่ทั้งชุดหรือ การเปลี่ยนแปลงกรรมการของสมาคมให้กระทำตามข้อบังคับ
ของสมาคม และสมาคมต้องนำไปจดทะเบียน ต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมตั้งอยู่ภายในสามสิบวัน
นับแต่มีการแต่งตั้งหรือเปลี่ยนแปลงกรรมการของสมาคม และต้องแจ้งให้การกีฬาแห่งประเทศไทย ทราบพร้อมแนบหลักฐาน
ภายในเจ็ดวัน นับตั้งแต่นายทะเบียนรับจดทะเบียน
ข้อ 19. ในกรณีที่ตำแหน่งนายกสมาคมว่างลง ให้คณะกรรมการบริหารสมาคมพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ และให้ทำการเลือกตั้ง
นายกสมาคมภายใน สี่สิบห้าวัน
ข้อ 20. กรรมการบริหารจะต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุดังต่อไปนี้
20.1 ตาย
20.2 ถึงคราวออกตามวาระ
20.3 ลาออกจากการเป็นกรรมการบริหาร
20.4 ขาดจากสมาชิกภาพ
20.5 ที่ประชุมใหญ่ลงมติให้พ้นจากตำแหน่งเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะด้วยคะแนนเสียง ไม่น้อยกว่าสองในสามของ
สมาชิกทั้งหมด
20.6 ขาดการประชุมคณะกรรมการบริหารติดต่อกัน 3 ครั้ง โดยไม่มีเหตุอันสมควร
ข้อ 21. กรรมการบริหารคนใดประสงค์จะลาออกจากการเป็นกรรมการบริหาร ให้ยื่นใบลาออกต่อนายกสมาคม
และให้นายกสมาคมนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร เพื่อพิจารณาอนุมัติโดยกรรมการบริหาร ผู้นั้นไม่มีสิทธิในการ
ออกเสียงลงมติการพ้นจากตำแหน่งให้นับแต่วันที่คณะกรรมการบริหาร ได้ลงมติ
ข้อ 22. สมาคมต้องดำเนินการให้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารเดือนละ 2 ครั้ง เป็นอย่างน้อย เพื่อพิจารณาวาระ
เรื่องการบริหารสมาคมการกำหนดวันประชุมให้นายกสมาคมเป็นผู้กำหนดและให้เลขาธิการเป็นผู้แจ้งกำหนดการประชุม
ให้กรรมการบริหารได้ทราบ โดยแจ้งเป็นหนังสือพร้อมระเบียบวาระการประชุมและให้ปิดประกาศไว้ ณ สำนักงานสมาคม
ไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
ข้อ 23. ในการประชุมคณะกรรมการบริหารจะต้องมีกรรมการบริหารเข้าร่วมประชุมอย่างน้อยกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด
จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม มติต่างๆในการประชุมถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นก็ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์
แต่ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันก็ให้ประธานในที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
ข้อ 24. ในการประชุมคณะกรรมการบริหาร หากนายกสมาคมและอุปนายกสมาคมไม่อยู่ หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
ก็ให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารเลือกกรรมการบริหารคนใดคนหนึ่งซึ่งอยู่ในที่ ประชุมนั้นทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม
ในคราวนั้น
ข้อ 25. คณะกรรมการบริหารมีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
25.1 มีอำนาจบริหารกิจการของสมาคมเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเพื่อประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ
ให้มีอำนาจตั้งชมรมกีฬาที่ขึ้นต่อสมาคม
25.2 มีอำนาจในการออก กฎ ระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศ เพื่อให้สมาชิกได้ปฏิบัติตาม กฎ ระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศ
ที่ออกมาต้องไม่ขัดต่อข้อบังคับของสมาคม
25.3 มีอำนาจจัดสรรงบประมาณ อุปกรณ์ และอื่น ๆ ให้แก่สมาชิกของสมาคมเพื่อดำเนินกิจการของสมาคม
25.4 มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ช่วยปฏิบัติงานในกิจการของสมาคมโดยได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างหรือค่าป่วยการ
ตามที่เห็นสมควร และมีอำนาจถอดถอนเจ้าหน้าที่
25.5 มีอำนาจลงโทษ ลบชื่อสมาชิกออกจากสมาคม เนื่องจากสมาชิกนั้นประพฤติตนในทางที่เสื่อมเสียมาสู่สมาคม
25.6 มีอำนาจลงโทษเจ้าหน้าที่ นักกีฬา ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน/ผู้ชี้ขาดที่ฝ่าฝืนหรือละเมิดประกาศข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง
ของสมาคมจนทำให้เกิดความเสียหายแก่สมาคมและประเทศชาติ
25.7 รักษาระเบียบ ข้อบังคับของสมาคมกีฬาให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558
และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
25.8 แต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษา คณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานเพื่อให้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง
จะเป็นการแต่งตั้งชั่วคราวหรือเพื่อให้ปฏิบัติกิจการงานใดงานหนึ่งจนสำเร็จก็ได้ แต่จะต้องไม่เกินวาระของ
คณะกรรมการบริหารที่ได้แต่งตั้ง
25.9 มีหน้าที่จัดประชุมคณะกรรมการบริหารเดือนละ 2 ครั้ง เป็นอย่างน้อยเพื่อหารือเกี่ยวกับการบริหารกิจการ
ของสมาคม
25.10 แต่งตั้งหรือถอดถอนเจ้าหน้าที่หรือพนักงานของสมาคม
25.11 มีอำนาจเรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี หรือประชุมใหญ่วิสามัญ
25.12 รับผิดชอบในการบริหารกิจการของสมาคม รวมทั้งการเงินและทรัพย์สินทั้งหมดของสมาคม
25.13 มีหน้าที่จัดทำเอกสาร และเก็บเอกสารที่เกี่ยวกับการบริหารทะเบียนสมาชิกของสมาคม ซึ่งพร้อมที่จะให้
สมาชิกตรวจดูได้เมื่อได้รับการร้องขอ
25.14 มีหน้าที่จัดทำบันทึกรายงานการประชุมต่าง ๆ ของสมาคมเพื่อจัดส่งให้กรรมการบริหาร สมาชิก และหน่วยงาน
ราชการรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่กรณี ซึ่งเกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าว พร้อมทั้งจะต้องเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ต่อไปด้วย
25.15 มีหน้าที่จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ตามคำร้องขอของสมาชิกตามข้อ 12.7 ซึ่งจะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่
วิสามัญขึ้นภายในสามสิบวัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอ
25.16 มีหน้าที่อื่น ๆ ตามที่ข้อบังคับกำหนดไว้

หมวดที่ 5
การประชุมใหญ่

ข้อ 26. การประชุมของสมาคมมี 2 ประเภท คือ

26.1 การประชุมใหญ่สามัญประจำปี
26.2 การประชุมใหญ่วิสามัญ
ข้อ 27. คณะกรรมการบริหารต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีภายในเดือนมีนาคมของทุกปี
โดยมีระเบียบวาระเรื่องการประชุมที่สำคัญอย่างน้อย ดังนี้
27.1 เสนอแผนงาน/โครงการประจำปี
27.2 รับรองรายงานการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของปีที่ผ่านมา
27.3 รายงานผลการปฏิบัติงานของสมาคมกีฬาในรอบปีที่ผ่านมา
27.4 รายงานบัญชีรายรับ รายจ่าย และบัญชี งบดุลของปีที่ผ่านมา โดยผ่านการตรวจสอบบัญชีที่ได้รับอนุญาต
และเสนอให้ที่ประชุมใหญ่รับรอง
27.5 เลือกตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่เมื่อครบกำหนดตามวาระ
27.6 แต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชี
27.7 เปลี่ยนแปลง แก้ไขข้อบังคับของสมาคม        
27.8 พิจารณาลบชื่อสมาชิกจากทะเบียนสมาคม เนื่องจากสมาชิกนั้นประพฤติไปในทางเสื่อมเสียมาสู่สมาคม
หรือประเทศชาติ
27.9 เรื่องอื่น ๆ (ถ้ามี) ตามที่ปรากฏในระเบียบวาระการประชุม
ข้อ 28. การประชุมใหญ่วิสามัญอาจจะเกิดขึ้นได้โดยคณะกรรมการบริหารหรือสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่ในสามของสมาชิก
ทั้งหมดทำหนังสือร้องขอต่อคณะกรรมการบริหารให้จัดให้มีขึ้น
ข้อ 29. การแจ้งกำหนดการประชุมใหญ่ ให้เลขาธิการสมาคมเป็นผู้แจ้งให้สมาชิกและการกีฬาแห่งประเทศไทยได้ทราบเป็น
ลายลักษณ์อักษรพร้อมระเบียบวาระการประชุมและรายละเอียดตามสมควร โดยระบุ วัน เวลา และสถานที่ให้ชัดเจน ทั้งนี้ต้องแจ้ง
ให้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน และประกาศแจ้งกำหนด นัดประชุมไว้ ณ สำนักงานของสมาคมเป็นเวลาไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
ก่อนถึงกำหนดการประชุมใหญ่
ข้อ 30. ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี หรือการประชุมใหญ่วิสามัญต้องมีสมาชิกเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
ของสมาชิกทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม แต่ถ้าเมื่อถึงกำหนดเวลาประชุมยังมีสมาชิกเข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ประชุม
ก็ให้ขยายเวลาออกไปอีกพอสมควรและต้องประกาศการขยายเวลาให้ทราบทั่วกันในขณะนั้น แต่เมื่อครบกำหนดเวลา
ที่ขยายออกไปแล้ว ยังมีสมาชิกเข้าร่วมประชุม ไม่ครบองค์ประชุมก็งดการประชุมและให้เลื่อนการประชุมคราวนั้นออกไป
และให้คณะกรรมการเรียกประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่งภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่นัดประชุมครั้งแรก การประชุมครั้งหลังนี้ไม่บังคับ
ว่าจำต้องครบองค์ประชุม
ข้อ 31. มติของที่ประชุมให้ถือเอาเสียงข้างมาก เว้นแต่กรณีที่ข้อบังคับของสมาคมกำหนดเสียงข้างมากไว้เป็นอย่างอื่น
สมาชิกคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ก็ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นได้อีกเสียงหนึ่ง
เป็นเสียงชี้ขาด
ข้อ 32. สมาชิกจะมอบอำนาจให้สมาชิกผู้ใดเข้ามาประชุม และออกเสียงลงคะแนนแทนตนก็ได้โดยรับมอบแทนได้คนละ 1 เสียง
พร้อมมีหนังสือมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษร
ข้อ 33. ในการประชุมใหญ่ของสมาคมถ้านายกสมาคมและอุปนายกสมาคมไม่มาร่วมประชุมหรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้
ก็ให้ที่ประชุมใหญ่ทำการเลือกกรรมการที่มาร่วมประชุมคนใดคนหนึ่งให้ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น

หมวดที่ 6
การเงินและทรัพย์สิน

ข้อ 34. สมาคมมีอำนาจกระทำกิจการต่างๆ ภายในขอบเขตแห่งวัตถุประสงค์ ตามข้อบังคับ หมวดที่ 2 ข้อ 5 และอำนาจเช่นนี้
รวมถึง

34.1 ถือกรรมสิทธิ์ หรือมีสิทธิครอบครอง หรือมีทรัพย์สินต่าง ๆจากการสร้าง ซื้อ จัดหาแลกเปลี่ยนโอน   
ให้โอนหรือดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินตลอดจนทรัพย์สิน ที่มีผู้อุทิศให้เพื่อประโยชน์แก่
กิจการของสมาคม
34.2 รายได้ของสมาคม ประกอบด้วย
34.2.1 เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้
34.2.2 รายได้จากทรัพย์สินของสมาคม
34.2.3 เงินอุดหนุนจากจังหวัด หรือ การกีฬาแห่งประเทศไทย
34.2.4 รายได้จากการจัดแข่งขันกีฬา
34.2.5 รายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
34.2.6 ค่าบำรุงจากสมาชิก
34.2.7 รายได้อื่นๆ
ข้อ 35. การเงินและทรัพย์สินทั้งหมด ให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริหารของสมาคม ถ้ามีเงิน (เงินสด)
เงินของสมาคมให้นำฝากไว้ในธนาคารพาณิชย์ที่คณะกรรมการเห็นสมควร ในนามของสมาคม
ข้อ 36. ผู้มีอำนาจการลงนามในตั๋วเงินหรือเช็คของสมาคม ต้องมีลายมือชื่อของนายกสมาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจาก
นายกสมาคมร่วมกับเหรัญญิกหรือเลขาธิการสมาคมพร้อมกับประทับตราของสมาคม จึงจะถือว่าใช้ได้
ข้อ 37. ให้นายกสมาคมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินของสมาคมได้ครั้งละไม่เกิน  500,000 บาท(ห้าแสนบาทถ้วน)และเสนอให้กรรมการ
ทราบในการประชุมคราวถัดไป ถ้าเกินกว่านั้นจะต้องเสนอให้กรรมการทราบ และได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการให้จ่ายได้
ครั้งละไม่เกิน. 2,000,000 บาท (สองล้านบาทถ้วน) ถ้าจำเป็นจะต้องจ่ายมากกว่านี้ จะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่
ของสมาคม
ข้อ 38. ให้เหรัญญิกมีอำนาจเก็บรักษาเงินของสมาคมไว้ได้ไม่เกิน  50,000 บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่าจำนวนนี้
จะต้องนำฝากธนาคารในบัญชีของสมาคมทันทีที่โอกาสอำนวย
ข้อ 39. เหรัญญิกต้องทำบัญชีรายรับ รายจ่าย และบัญชีงบดุลให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ การรับหรือจ่ายเงิน ทุกครั้ง
ต้องจัดทำหลักฐานการรับและจ่ายเงิน และให้เหรัญญิกเก็บไว้โดยครบถ้วน เพื่อการตรวจสอบ ไม่น้อยกว่า 5 ปี
จึงทำลายได้ การทำลายเอกสารดังกล่าวนี้ ต้องขออนุมัติต่อคณะกรรมการบริหารก่อน จึงดำเนินการได้ สำหรับหลักฐาน
การรับเงินค่าบำรุงสมาชิกให้นายทะเบียนเป็นผู้เก็บรักษาและทำลาย โดยให้ถือปฏิบัติตามความในวรรคแรก
การบัญชีตามปกติให้แยกประเภท ดังนี้
39.1 ประเภทรายได้ทั่วไป
39.2 ประเภทเงินค่าบำรุงสมาชิก
ข้อ 40. ผู้ตรวจสอบบัญชีต้องมิใช่กรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคม และต้องเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีที่ได้รับอนุญาต
ข้อ 41. ผู้ตรวจสอบบัญชีมีอำนาจเรียกเอกสารที่เกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สินจากคณะกรรมการ และสามารถเชิญกรรมการ
หรือเจ้าหน้าที่ของสมาคม เพื่อสอบถามเกี่ยวกับบัญชีและทรัพย์สินของสมาคมได้
ข้อ 42. คณะกรรมการต้องให้ความร่วมมือกับผู้ตรวจสอบบัญชี เมื่อได้รับการร้องขอ

หมวดที่ 7
การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับและการเลิกสมาคม

ข้อ 43. ข้อบังคับสมาคมนี้จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่เท่านั้น และองค์ประชุมใหญต้องมีสมาชิกเข้าร่วม
ประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด มติในการแก้ไขข้อบังคับสมาคมต้อง มีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสาม
ของสมาชิกทั้งหมด ที่เข้าร่วมประชุม และสมาคมต้องนำข้อบังคับที่แก้ไขเพิ่มเติมไปจดทะเบียนต่อนายทะเบียนที่สำนักงานใหญ่
ตั้งอยู่ภายในสิบสี่วัน นับแต่วันลงมติ เมื่อนายทะเบียนได้จดทะเบียนแล้วจึงมีผลใช้บังคับได้ และให้สมาคมแจ้งหลักฐานใบสำคัญ
แสดงการจดทะเบียนการแก้ไขเพิ่มเติม (สค.5) ให้การกีฬาแห่งประเทศไทย ภายในเจ็ดวัน
ข้อ 44. สมาคมนี้ย่อมเลิกได้ก็โดยมติของที่ประชุมใหญ่เท่านั้น ยกเว้นเป็นการเลิกด้วยเหตุผลของกฎหมาย มติของที่ประชุมใหญ่
ในการเลิกสมาคมจะต้องมีคะแนนเสียง ไม่น้อยกว่าสามในสี่ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมดและองค์ประชุมจะต้อง
ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด
ข้อ 45. หากสมาคมต้องเลิกไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตามเมื่อชำระบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้วหากมีเงินสดและ/หรือทรัพย์สิน
เหลืออยู่เท่าใดก็ให้ตกเป็นของสมาคมหรือมูลนิธิที่ดำเนินกิจการเพื่อสาธารณประโยชน์ในด้านการส่งเสริมกีฬาของจังหวัด
ชัยนาท